6 สิงหาคม 2556

อัมมูรักเธอน้อยลง


ราเฮลตัวชา เธอเสียใจที่หลุดปากพูดไป เธอไม่รู้ว่าคำพูดนั้นมาจากไหน ไม่รู้ว่ามันมีอยู่แล้วในตัวเธอ และมันได้แสดงตัวแล้วในตอนนี้ ไม่มีทางที่จะถอยกลับ พวกเขายืนอยู่บนขั้นบันไดแดงเหมือนเสมียนราชการ ที่บางคนยืน บางคนนั่งขาสั่น อยู่ในสำนักงาน

'ราเฮล' อัมมูพูดกับเธอ 'ลูกรู้มั้ย ว่าลูกพูดอะไรไป'
นัยน์ตาตกใจกับผมน้ำพุ มองอัมมู
'ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว' อัมมูว่า 'แค่ตอบมา แค่นั้น'
'อะไรกันคะ' ราเฮลพูดเสียงเบาที่สุด
'รู้ตัวรึเปล่า ว่าได้ทำอะไรลงไป' อัมมูถามซ้ำ
นัยน์ตาตกใจกับผมน้ำพุ มองอัมมู
'ลูกรู้มั้ย ว่าเวลาลูกทำให้คนอื่นเจ็บช้ำน้ำใจน่ะมันเป็นอย่างไร' อัมมูว่า 'เวลาลูกทำให้คนอื่นเจ็บปวด เขาจะรักลูกน้อยลง นี่แหละคือผลของการไม่ระวังคำพูด มันจะทำให้คนเขารักลูกน้อยลง'

แมลงชีปะขาวตัวเย็นชืดกับกระจุกขนบนหลัง ค่อยๆเกาะกุมหัวใจของราเฮล ขาเย็นๆของมันเกาะลงที่ตรงไหน เธอขนลุกตรงนั้น รอยปูดหกรอยบนหัวใจไร้ความระมัดระวัง
  อัมมูรักเธอน้อยลง 

....................................................................

แมลงชีปะขาวในหัวใจราเฮลเริ่มกางปีกเลื่อมพราย ราเฮลหนาวไปถึงกระดูก

....................................................................

'อัมมูคะ' ราเฮลพูดกับแม่ 'หนูขอไถ่โทษ ด้วยการอดอาหารค่ำค่ะ'
เธอฉลาดพอที่จะต่อรองกับแม่ ยอมไม่กินอาหารค่ำ แลกกับขอให้แม่รักเหมือนเดิม
'ตามใจ' อัมมูตอบ 'แต่แม่ขอแนะนำให้กิน ถ้าอยากโตก็ต้องกิน เธอขอแบ่งไก่ของจักโกได้นี่'
'อาจจะได้หรืออาจจะไม่ได้' จักโกตอบ
'แล้วเรื่องการลงโทษล่ะคะ' ราเฮลถาม 'แม่ยังไม่ได้ลงโทษหนูเลยนี่คะ'
'บางทีการลงโทษก็เป็นไปของมันเอง' เบบี้โกจัมมา อธิบาย ราวกำลังอธิบายเลขคณิตที่ราเฮลไม่เข้าใจ
       บางทีการลงโทษก็เป็นไปของมันเอง มาเป็นชุดเหมือนห้องนอนกับตู้ติดผนัง ซึ่งอีกไม่นานพวกเขาจะได้เรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับการลงโทษ โทษที่หนักเบาต่างๆกัน บางครั้งโทษหนักเหมือนตู้ติดผนังใหญ่ในห้องนอน คุณอาจต้องอยู่ในนั้นไปตลอดชีวิต เดินวนอยู่บนชั้นและลิ้นชักที่มืดมิด

....................................................................

ราเฮลยืนอย่างเปล่าเปลี่ยว มองพวกเขาเดินเงียบๆไปบนโถงทางเดินของโรงแรม พวกเขาจากไปอย่างเงียบเชียบราวเงาร่างของผี แต่ผีนี้มีความสำคัญ ผู้ใหญ่สอง เด็กหนึ่ง เด็กชายกับรองเท้าสีทรายปลายแหลม พรมแดงดูดเสียงก้าวเดินของพวกเขา

ราเฮลยืนเศร้าอยู่ที่ประตูห้อง

ใจเธอเศร้า ที่โซฟี โมลเดินทางมา เศร้าที่แม่รักเธอน้อยลง เศร้ากับทุกสิ่งที่ ชายขายน้ำส้มน้ำมะนาว ทำกับเอสธาที่โรงภาพยนตร์อภิลาสทัลกีส์

ลมพัดบาดดวงตาแห้งผากปวดรวดร้าว

บางส่วนจาก เทพเจ้าแห่งสิ่งเล็กๆ (The God of Small Things)
โดย อรุณธตี รอย
แปลโดย สดใส



Sad and Beautiful  อ่านแล้วรูสึกเศร้าไปกับเด็กน้อยราเฮล  สะเทือนไปกับความกลัวที่จะถูกรักน้อยลง น้อยลง น้อยลง และสุดท้ายมันจะหายไป....


3 มกราคม 2556

ปีใหม่ๆ


สิ้นสุดลงแล้วและเริ่มต้นใหม่กันอีกครั้ง

ปีที่ผ่านมาก็ถือเป็นปีที่ชีวิตยังไม่ลงตัว มีเรื่องให้กลุ่มใจ เครียด กังวล อยู่มากมาย แต่เมื่อมองย้อนกลับไปก็พบว่า การเลือกในปีที่ผ่านๆมา นำมาซึ่งเส้นทางของวันนี้ แม้จะยังไม่เข้ารูปเข้ารอยนัก แต่เราก็พอใจกับการเลือกและเส้นทางในตอนนี้

ทบทวน

อย่างน้อยๆ เราก็ดีใจ ที่เรียนจบแล้ว  เวลาที่คิดว่ายากลำบากกับการต่อสู่กับวินัยของตนเอง ในขั้นหนึ่งได้ผ่านไปเรียบร้อยแล้ว อาจไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ทำเท่าที่จะทำได้ และดีใจที่ตัวเองไม่ปล่อยให้สิ่งที่ควรจะทำให้เสร็จต้องค้างคา

ดีใจที่ปีที่ผ่านมาได้วาดรูปมากขึ้น ได้เข้าใกล้สิ่งที่คิดว่าอยากทำมากขึ้นเป็นลำดับ ทั้งวาดเล่น วาดเพื่อการงาน ทั้งสองอย่างแม้จะต่างกันตรงความกดดัน แต่ทั้งสองอย่างก็ทำให้เรารู้สึกเป็นสุขและสงบ เราจะพยายามกับสิ่งนี้ต่อไป อยากจะมีเวลาฝึกวาด ฝึกคิด ฝึกเทคนิคอุปกรณ์ใหม่ๆ สำหรับเราสิ่งนี้น่าตื่นเต้นจริงๆ

ดีใจและรู้สึกขอบคุณเสมอกับมิตรภาพของเพื่อนที่ร่วมทาง ช่วยเหลือดูแลกันมาตลอด เราอยากจะประคับประคองมันไว้ และดูแลความสัมพันธ์เหล่านี้ให้ดีที่สุด 

รู้สึกดีที่มีเวลาดูแลคนในครอบครัวมากขึ้น ครอบครัวเราไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่เราก็อยู่กันตามประสา ในช่วงเวลาที่ผ่านมาต้องผ่านอะไรร้ายๆมาด้วยกันเยอะแยะ วันนี้สุขดีกันในระดับหนึ่ง เราหวังไว้ในใจว่าจะดูแลเขาให้มากกว่านี้และดีกว่านี้

คิดทบทวนดูก็มีเรื่องดีๆมากมาย :)


ปีใหม่นี้ ตั้งใจไว้ว่า จะเป็นปีที่เราจะหมั่นฝึกตน หลายๆอย่างเราเริ่มต้นช้ากว่าคนอื่น ต้นทุนน้อยกว่าคนอื่น ทำให้ยิ่งต้องฝึก ต้องเผชิญหน้า เพื่อทำให้ตัวเองเก่งกาจขึ้น ก้าวข้ามความกลัวหรืออะไรก็ตามที่กั้นเป็นอุปสรรคต่อการเติบโต ทางเดียวที่จะทะลุเรื่องเหล่านี้ไปได้คือต้องฝึกเผชิญหน้ากับมันให้บ่อย แม้จะกลัวความผิดหวัง แต่เราคิดว่าสิ่งที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งอาจคุ้มค่ากับการที่จะเสียใจผิดหวังที่เกิดขึ้นรายทาง หรืออาจจะไม่ผิดหวังก็ได้นะ ใครจะรู้

เราจะกล้าหาญมากขึ้น
เราจะซื่อสัตย์ ซื่อตรงกับตัวเองและผู้อื่นมากขึ้น
เราจะใจดีกับตัวเอง 
เราจะวางใจในความสัมพันธ์รอบตัวเรา
เราจะเปิดใจยอมรับความเปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้น
เราจะดูแลตัวเองและคนรอบข้างได้ดีขึ้น
เราจะเรียนรู้จากผู้คนและสิ่งรอบตัวให้มากขึ้น
เราจะวาดรูปให้บ่อยขึ้น
เราจะหัด Photoshop และ Illustration
เราจะรักให้ดีที่สุด

นี่อาจไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้อย่างหมดจดงดงามในปีนี้ บางอย่างอาจต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลงตนเองมากกว่าเวลาแค่ 1 ปี แต่เราก็อยากจะทำให้ได้ เพราะเชื่ออยู่ลึกๆว่า ชีวิตเราจะสมดุลมากขึ้นหากเราปรับเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้ได้พอเหมาะกับชีวิต

แด่ปีใหม่ๆ ที่ดูเหมือนจะยาวนาน แต่เดี๋ยวเดียวก็จะผ่านไป

18 พฤศจิกายน 2555

ยอมรับ และ ทบทวน


เมื่อทั้งหมดที่ผ่านมา เดินทางมาถึงจุดนี้
สิ่งที่จะต้องทำให้ได้คือ ยอมรับ
และคิดทบทวนอย่างจริงจังว่าตัวเองจะจัดการกับมันอย่างไร
เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้อีกต่อไป

15 พฤศจิกายน 2555

วาดน้อยหน่า





ที่จริงแล้วน้อยหน่าเป็นผลไม้ที่เราไม่ค่อยได้กินเท่าไหร่ ไม่ได้จัดอยู่ในประเภทผลไม้ติดบ้านที่แม่จะซื้อมาให้กินบ่อยๆ และตอนเด็กๆจำได้ว่าขี้เกียจกินเพราะเม็ดมันเยอะ

เราไม่ได้กินน้อยหน่ามานานแล้วเหมือนกัน จนมาช่วงนี้ที่อยู่ๆแม่ก็ซื้อน้อยหน่ามาให้กินอีกครั้ง (ถ้าแม่ไม่ซื้อมา อย่างเรารึจะหากินเอง) 

หลังจากที่ไม่ได้กินมายาวนาน น้อยหน่าแช่เย็นชื่นใจ ก็ทำให้ตกหลุมรัก
กลิ่นหอมๆ รสหวานๆ ทำให้รู้สึกกินแล้วอยากจะกินอีก (เอ หรือนี่เรียกว่าตะกละ 555)

นอกจากอร่อย เราว่าหน้าตามันน่ารักซะด้วย ก็เลยจับเอามาวาดรูปเสียเลย แต่ลูกที่อยู่ที่บ้านมันออกจะสุก มีรอยดำๆไม่ค่อยสวย เลยหาแบบแล้ววาดอิงจากแบบอีกที

ช่วงนี้ยุ่งเรื่องงานพอสมควร ก็เลยไม่ได้มีเวลาที่จะนั่งสบายๆวาดรูป  เพราะไม่ค่อยได้วาดนี่แหละ ที่ทำให้คิดถึงการวาดรูปมากๆ  เมื่อคืนใจโปร่งๆ เลยงัดเอากระดาษ ดินสอ พู่กัน และ สีน้ำ มาลงมือทำเลย

รู้สึก สุข สงบ และรู้สึกหวานๆนิดๆเวลาลงสีผลน้อยหน่า :)

3 พฤศจิกายน 2555

สุดสัปดาห์ในบ้านว่างๆ


สุดสัปดาห์ที่อากาศกำลังดี ลมหนาวกำลังจะมา
บรรยากาศของวันหยุด ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
อยู่บ้านคนเดียว และรู้สึกโปรดปรานในความโล่งว่างของบ้าน
ดื่มชาไปพร้อมๆกับดื่มด่ำกับเพลงที่รู้สึกลึกซึ้ง
เลือกให้เหมาะเจาะ กับงานที่เหลือค้างให้สะสาง
ชาและบทเพลงราวกับเป็นส่วนหนึ่งของงานชิ้นนี้
รู้สึกดีกับการมีสมาธิดำดิ่งลงไปในสิ่งที่กำลังทำ
คิดออกทีละนิด และค่อยๆทำมันออกมาทีละน้อย
ความมั่นใจปรากฎในความไม่มั่นใจ 

ในช่วงเวลาแบบนี้ มักจะคิดขึ้นมาเสมอ ว่านี่หรือเปล่านะ ชีวิตในแบบที่อยากมี 


22 ตุลาคม 2555

ขี่รถเล่น


เธอชวนฉันไปขี่รถเล่นตอนเช้า เธอขับฉันซ้อน
แดดอ่อนๆ ลมพัดสบายๆ ขับผ่านรั้วบ้านใครต่อใคร
ผ่านร้านค้า ผ่านโรงเรียน ผ่านศาลเจ้า
เข้าซอยเล็กๆ ออกถนนใหญ่ๆ
เกาะหลัง กำเสื้อเธอเอาไว้
คุยกันไปดูทางกันไป
มาถึงตลาด แวะกินของเช้า
ฉันสั่งกาแฟ เธอกินขนมครก
หิ้วถุงของกินโน่นนี่กลับบ้าน
สายแล้ว แดดเริ่มแรง
เธอขับฝ่าแดด ฉันก้มหลบแดด
เป็นความสนุกอุ่นๆของเช้าวันใหม่ที่เราได้ไปเที่ยวด้วยกัน

เธอชวนฉันไปขี่รถเล่นตอนค่ำ เธอขับฉันซ้อน เช่นเคย
ฟ้าเริ่มมืด อากาศเริ่มเย็น ขับผ่านรั้วบ้านใครต่อใคร
ผ่านโรงงาน ผ่านสนามกีฬา  ผ่านสถานีตำรวจ
ออกถนนใหญ่ๆ เข้าซอยเล็กๆ
เกาะไหล่ กำเสื้อเธอเอาไว้
คุยกันไปดูทางกันไป
มาถึงตลาดโต้รุ่ง แวะกินข้าวเย็น
ฉันสั่งข้าว เธอสั่งก๋วยเตี๋ยว
หิ้วถุงขนมโน่นนี่กลับบ้าน
ดึกแล้ว พระจันทร์เสี้ยวส่อง
เธอขับโต้ลม ฉันนั่งชมจันทร์
เป็นความสนุกอุ่นเย็นของค่ำวันนี้ที่เราได้ไปเที่ยวด้วยกัน


  

30 กันยายน 2555

อินกับเธอ


อินกับเรื่องของเธอ อินมากเสียจนรู้สึกเศร้ากับสิ่งที่คิดไปเอง
เธออาจไม่ได้โดดเดี่ยวขนาดนั้น อาจจะกำลังเป็นสุขอย่างที่เธอแสดงออก

เธอกล่าวชื่นชมฉัน ซึ่งฉันปลื้มมากเพราะมันออกมาจากปากของเธอ
ฉันถามเธอหลายอย่าง และเล่าอะไรให้เธอฟังหลายอย่าง
บางทีก็รู้สึกเป็นเด็กน้อยยามอยู่กับเธอ
เธออ่านฉันขาด แม้เราจะได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่ครั้ง
หลายประโยคของเธอยังคงตกค้างในใจ
เหมือนเธอช่วยเขี่ยภาพลวงตา ที่บดบังความจริงเอาไว้
คำพูดที่ช่างเข้าอกเข้าใจ แต่ก็ตรงไปตรงมาแบบไม่เอาใจฉันจนเกินจริง
จากคำพูดของเธอฉันออกจะเห็นความหวังในโลกที่เธอชอบเหน็บแนมว่าไร้หวัง

ดีใจที่ได้พบกัน ขอบคุณที่รับฉันเป็นมิตรของเธอ
ไม่รู้ทำไมถึงอินเรื่องของเธอนัก
แต่กับเธอที่ฉันอ่านไม่ออก ฉันรู้เพียงว่าฉันอยากให้เธอเป็นสุข